ด้วยภูมิอากาศแบบร้อนชื้น ทำให้ประเทศไทยมีอุณหภูมิอบอุ่นเหมาะแก่การท่องเที่ยวตลอดทั้งปี ขณะที่ส่วนอื่นๆ ของโลกกำลังเข้าสู่ความมืดมนของฤดูหนาว ประเทศไทยกลับมีอากาศปลอดโปร่งและสดใส ที่นี่จึงเป็นสถานที่พักผ่อนในฝันสำหรับผู้ที่ต้องการมาสัมผัสกับแสงแดดได้ตลอดทุกช่วงของปี
อย่างที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ทราบกัน ลมมรสุมมีอิทธิพลอย่างมากต่อสภาพอากาศของไทย โดยเฉพาะหมู่เกาะทางใต้ การเปลี่ยนช่วงลมมรสุมและปริมาณน้ำฝนนี่เองที่ได้ทำให้เกิดไอเดียเกี่ยวกับการลองเสี่ยงมาท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีซัน
การเดินทางมาประเทศไทยนอกฤดูท่องเที่ยวมีข้อได้เปรียบอย่างมาก โรงแรมต่างๆ ล้วนลดราคา ค่าตั๋วเครื่องบินถูกลง และไม่ต้องเบียดเสียดกับผู้คนในสถานที่ยอดนิยมทั้งหลาย ช่วยให้ได้รับประสบการณ์การพักผ่อนที่แท้จริง สำหรับในกรุงเทพฯ นักท่องเที่ยวไม่ต้องรอคิวยาวเหยียดกว่าจะได้โต๊ะในร้านอาหาร บาร์ และคลับชื่อดังต่างๆ นอกจากนี้ ยังสามารถเข้าใช้บริการจากสปาและร้านเสริมสวยชื่อดังได้อย่างทันใจ
และช่วงโลว์ซีซันยังเอื้อประโยชน์สำหรับการจองใกล้วันเดินทางด้วย อัตราการเข้าพักที่น้อยลง หมายความว่านักท่องเที่ยวสามารถยืดหยุ่นได้มากขึ้นในการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ แวะเที่ยวเกาะ หรือไม่ต้องวางแผนการเดินทางใดๆ เนื่องจากไม่ต้องกังวลว่าจะหาห้องพักไม่ได้ สิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวไม่อยากมาเที่ยวในช่วงโลว์ซีซันก็คือ ความกังวลว่าฝนอาจจะตกจนทำให้เสียบรรยากาศในการท่องเที่ยว
แม้ว่าประเทศไทยอาจมีฝนตกได้ตลอดทั้งปี แต่โดยหลักแล้ว สภาพอากาศแบ่งออกได้เป็นสามช่วง ได้แก่ ช่วงฤดูฝน (ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ) ช่วงฤดูหนาว (ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้) และช่วงรอยต่อฤดู ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะทำให้เกิดลมและฝนพัดผ่านทั่วทั้งประเทศตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม ขณะที่ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม ส่วนช่วงรอยต่อฤดูตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงกลางเดือนพฤษภาคมจะเป็นช่วงที่ร้อนอบอ้าวที่สุด
อิทธิพลจากลมมรสุมจะแตกต่างกันไปตามพื้นที่ ดังนั้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถวางแผนท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีวันได้ดีที่สุด ต่อไปนี้คือคู่มือท่องเที่ยวสถานที่ยอดนิยมที่สุดของประเทศไทยและสิ่งที่น่าจะได้เจอในช่วงฤดูฝน
กรุงเทพฯ
เมืองหลวงแห่งนี้ได้รับอิทธิพลจากฝนน้อยกว่าบนเกาะ เมื่อลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดผ่านมาในช่วงเดือนพฤษภาคม ผู้คนก็มักจะหันไปทำกิจกรรมในร่มที่มีให้เลือกมากมาย เช่น ช็อปปิ้ง ทานอาหาร เต้น โบว์ลิ่ง ชมภาพยนตร์ คาราโอเกะ สปา ชมนิทรรศการ คอนเสิร์ต และอื่นๆ กิจกรรมเหล่านี้ส่วนใหญ่หาได้ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆ ในกรุงเทพฯ
สิ่งที่แย่ที่สุดเกี่ยวกับฤดูฝนในกรุงเทพฯ ก็คือน้ำท่วมขังและการจราจรที่ติดขัด แดดอาจจะออกให้เราหลงดีใจเล็กน้อย แต่สักพักฝนก็จะตก ดังนั้น เพื่อไม่ให้ต้องเสี่ยงกับการติดฝน นักท่องเที่ยวควรเลือกพักในโรงแรมที่มีทางเดินเชื่อมกับห้างสรรพสินค้าและทางเดินไปยังรถไฟฟ้า BTS หรือรถไฟใต้ดิน MRT
คำพยากรณ์: ความรุนแรงของลมพายุในกรุงเทพฯ อาจทำให้ผู้ที่เดินทางมาเป็นครั้งแรกต้องประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ฤดูฝนที่นี่ไม่ได้รุนแรงจนทำให้การท่องเที่ยวหมดสนุก ไม่ค่อยพบฝนที่ตกติดต่อกันหลายวัน นักท่องเที่ยวยังคงสามารถออกไปชมทัศนียภาพกลางแจ้งได้ ช่วงเช้าเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด
ชายฝั่งอันดามัน หมู่เกาะสิมิลัน ภูเก็ต เกาะพีพี กระบี่ เกาะลันตา
ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมหมู่เกาะสิมิลันและชายฝั่งอันดามันในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ทำให้เกิดฝนตกและคลื่นลมแรง ลมพายุฉับพลันและน้ำที่ไหลบ่ามาจากแผ่นดินใหญ่ทำให้ไม่เหมาะต่อการดำน้ำ เช่นเดียวกับบริการเรือเฟอร์รี่ เรือสำราญ และรีสอร์ทบางแห่งที่ต้องงดให้บริการในฤดูนี้ พายุฝนฟ้าคะนองอาจรุนแรงในบางครั้ง จนทำให้ไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตในรีสอร์ทใหญ่ๆ ใช้การไม่ได้ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงต้นเดือนสิงหาคม บริเวณทะเลอันดามันแทบจะไม่พบฝนที่ตกต่อเนื่องแล้ว ส่วนใหญ่ในช่วงกลางวันจะร้อนและมีแดดจ้า หลังจากที่ต้องเจอกับพายุที่รุนแรง เดือนกันยายนและตุลาคมเป็นช่วงที่มีฝนตกหนักที่สุด นานถึง 23 วันต่อเดือนในภูเก็ต โดยฝนจะค่อยๆ หมดไปเมื่อเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน ระหว่างเดือนสิงหาคม อาจมีลมแรง ทำให้การเดินทางด้วยเรือไม่สะดวกนัก
คำพยากรณ์: การดำน้ำรอบๆ สิมิลันถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรอย่างยิ่งสำหรับช่วงฤดูฝน อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวที่ต้องการมาสัมผัสชายหาดในภูเก็ต พีพี และกระบี่ยังคงสามารถเพลิดเพลินไปกับแสงแดดจ้าได้หากเดินทางก่อนเดือนกันยายน นักท่องเที่ยวบางคนอาจโชคดีได้เจอวันที่อากาศแจ่มใสติดต่อกัน มักจะอยู่ในช่วงเดือนสิงหาคมมากกว่ากันยายนหรือตุลาคม
ชายฝั่งอ่าวไทย (ตะวันตก) - เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า
ชายฝั่งด้านตะวันตกของอ่าวไทยมีสภาพอากาศแตกต่างออกไปเป็นพิเศษ ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงมกราคม ขณะที่ภูมิภาคอื่นๆ ของไทยแห้งแล้ง ลมที่พัดผ่านอ่าวไทยจะนำเอาความชื้นจนทำให้ช่วงนี้เป็นช่วงที่ฝนตกมากที่สุดของปีสำหรับเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า
ในทางกลับกัน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมไปจนถึงปลายเดือนกันยายน บริเวณนี้จะมีอากาศร้อนและแจ่มใส โดยมักมีลมพายุก่อตัวขึ้นในช่วงเย็น นักท่องเที่ยวไม่ควรประมาทความรุนแรงของลมพายุเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม พายุมักจะเกิดขึ้นไม่เกินหนึ่งหรือสองชั่วโมง นอกจากนั้นอากาศจะแจ่มใส
แม้ในกรณีที่ไม่มีฝนตก คลื่นลมแรงก็ทำให้ไม่สามารถออกเรือหางยาวไปยังพื้นที่ห่างไกลอื่นๆ ของเกาะเหล่านี้ได้ และหากรุนแรงมาก อาจทำให้ไม่มีเรือเฟอร์รี่ให้บริการไปยังเกาะพะงันและเกาะเต่าอีกด้วย ซึ่งมักจะเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงมกราคม คำพยากรณ์: เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่ามีอากาศปลอดโปร่งตลอดจนถึงสิ้นเดือนกันยายน มีฝนตกหนักแค่ช่วงสั้นๆ ตั้งแต่เดือนตุลาคมตลอดไปจนถึงต้นเดือนมกราคมเป็นช่วงที่มีฝนตกหนักที่สุด โดยอาจมีฝนตกโปรยปรายติดต่อกันหลายวัน
ชายฝั่งอ่าวไทย (ตะวันออก) - เกาะช้าง
หมู่เกาะช้างเป็นหนึ่งในบริเวณที่ฝนตกชุกที่สุดของประเทศไทย ด้วยปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 4,000 มม. ต่อปี เกาะช้างจึงเป็นสถานที่ที่เข้าถึงค่อนข้างยากเมื่อเทียบกับเกาะอื่นๆ ของไทยในช่วงฤดูฝน ฤดูฝนของที่นี่ยืดออกไปตั้งแต่เดือนพฤษภาคมไปจนถึงพฤศจิกายน โดยมีฝนตกชุกมากที่สุดในเดือนมิถุนายน กรกฎาคม และสิงหาคม โดยเฉพาะสองเดือนหลังที่จะมีฝนตกเกือบทุกวัน
มักมีแดดออกบ้างในระหว่างช่วงฤดูฝน และส่วนใหญ่ฝนมักตกในตอนกลางคืน ดังนั้น นักท่องเที่ยวบางคนอาจโชคดี ข้าวของบนเกาะช้างมีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับเกาะอื่น ดังนั้น หากต้องการเพียงอากาศแจ่มใสบ้างบางวันและบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินสวยๆ แถมด้วยราคาห้องพักแสนถูก การมาเกาะช้างจึงเป็นเรื่องที่น่าลองเสี่ยง
คำพยากรณ์: ตามหลักสถิติ เกาะช้างเป็นเกาะที่ไม่ควรเดินทางมาที่สุดในฤดูฝน สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาสัมผัสแสงแดด อาจเกิดเหตุดินถล่มและไฟฟ้าดับ นอกจากนี้ กระแสน้ำเชี่ยวยังทำให้ชายหาดไม่เหมาะแก่การว่ายน้ำ โอกาสที่ดีที่สุดที่จะได้เจอกับอากาศแจ่มใสในฤดูฝนก็คือช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคมและพฤศจิกายน
เกาะเสม็ด
เกาะเสม็ดตั้งอยู่นอกชายฝั่งของจังหวัดระยอง ใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์จากกรุงเทพฯ 2.5 ชั่วโมง เป็นหนึ่งในชายหาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของประเทศไทย สำหรับที่นี่ ฝนจะตกเป็นช่วงๆ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับฝนที่เกาะสมุยหรือเกาะช้าง ระยองมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ 215 มม. ในเดือนกันยายน น้อยยิ่งกว่ากรุงเทพฯ ซึ่งมีปริมาณ 345 มม. ในช่วงเดียวกัน
โดยปกติ ฝนจะมาในลักษณะของฝนฟ้าคะนองในช่วงเย็น ในช่วงกลางวันอากาศมักแห้งและแจ่มใส ชายหาดส่วนใหญ่ของเกาะไม่ได้รับอิทธิพลจากลม ทำให้สภาพอากาศสงบและน่าพักผ่อนตลอดปี มักไม่ค่อยมีฝนตกหรืออากาศมืดครึ้มตลอดทั้งวัน แม้แต่ในช่วงเดือนที่มีฝนตกชุกที่สุดก็ตาม
คำพยากรณ์: เกาะเสม็ดเป็นสถานที่ที่มีแดดตลอดทั้งปี ปัญหาสำคัญที่สุดคือทะเลที่มีคลื่นลมแรง ซึ่งอาจทำให้ต้องงดให้บริการเรือสปีดโบ๊ต นอกจากนี้ ลมพายุในช่วงเย็นยังอาจทำให้ร้านอาหารริมหาดต้องเฉอะแฉะอีกด้วย
พัทยา
เมืองรีสอร์ทริมทะเลที่ได้รับความนิยมมายาวนานแห่งนี้ ใช้เวลานั่งรถเพียงไม่กี่ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ และถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวชายหาดที่น่าสนใจที่สุดแห่งหนึ่ง ตอนกลางวันอากาศร้อนและมีแดดตลอดทั้งปี และเช่นเดียวกับกรุงเทพฯ ช่วงฤดูฝนมีฝนตกฝ้าคะนองเป็นหย่อมๆ ความชื้นสูง
ฤดูฝนของที่นี่มีข้อดีเพิ่มเติม ได้แก่: ฝนจะช่วยลดอุณหภูมิ เมฆจะช่วยบังแดด ทำให้นักท่องเที่ยวไม่ต้องทนกับอากาศร้อนมากนัก ในเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งอาจไม่ชินกับอากาศที่ร้อนจัด ฝนที่ตกลงมาจะช่วยในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
คำพยากรณ์: พัทยาเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวช่วงฤดูฝนที่น่าสนใจที่สุด เดือนที่ฝนชุกที่สุดคือกันยายนและตุลาคม แต่ก็มีปริมาณฝนไม่มากจนถึงกับต้องหลีกเลี่ยง นักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศ เกาะอันเงียบสงบ ควรมุ่งหน้าไปยังหาดจอมเทียนหรือสัตหีบ
เหตุผลในการท่องเที่ยวช่วงฤดูฝน:
- คนน้อย ราคาถูก - เลือกจองโรงแรมได้อย่างอิสระมากขึ้น - ช่วงนี้น้ำตกจะสวยที่สุด - ป่าก็ดูชุ่มฉ่ำและมีสีสัน - ได้เจอกับลมพายุที่น่าตื่นเต้น - พระอาทิตย์ตกที่งดงาม - กิจกรรม: งาน Amazing Thailand Grand Sale (กรกฎาคม), เทศกาลไหว้พระจันทร์ (สิงหาคม), เทศกาลกินเจภูเก็ต (กันยายน/ตุลาคม)
แหล่งที่มา: www.tmd.go.th, www.travelfish.org
Post by :
อโกด้า
Posted
20/04/2011 Time
04:06 pm
1552
2
|